การแบ่งวงของดอกไม้ที่เรียงตัวกันอยู่โดยนับจากด้านนอกเข้ามาสามารถแบ่งได้ด้ังนี้
1. วงเคลิกซ์ ( Calyx ) วงนอกสุดซึ่งเป็นวงของกลีบรองหรือกลีบเลี้ยง ( Sepals ) ส่วนใหญ่แล้วมีสีเขียว กลีบเลี้ยง อาจอยู่แยกกัน เรียกว่า พอลิเซพาลัส ( Polysepalous )หรือ อะโพเซพาลัส ( Aposepalous ) เช่น กลีบเลี้ยงของดอกบัวสายและพุทธรักษา ถ้ากลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน เรียกว่า ซีนเซพาลัส ( Synsepalous ) หรือแกโมเซพาลัส ( Gamosepalous ) เช่น กลีบเลี้ยงของดอกชบา ดอกบานบุรี ดอกแค กลีบเลี้ยงของพืชบางชนิดอาจมีสีต่าง ๆ เพื่อ ล่อแมลงให้ช่วยถ่ายละอองเกสร นอกจากนี้ใต้กลีบเลี้ยงของพืชพวกชบา และพู่ระหง ยังมีกลีบสีเขียวเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ริ้วประดับ ( Epicalyx ) อยู่ด้วย2. วงคอโรลลา ( Corola ) วงที่สองหรือวงถัดเข้าไปเป็นวงของกลีบดอก วงนี้มีสีของกลีบดอกแตกต่างกันขึ้นกับรงควัตถุ เช่น แคโรทีนอยด์ ทำให้มีสี เหลืองหรือสีแสด แอนไทไซยานิน (Anthocyanthins ) ทำให้กลีบดอกมีสีม่วงหรือสีน้ำเงิน กลีบดอกสีขาวเพราะมีแอนโทแซนทิน( Anthoxanthins ) กลีบดอกอาจเชื่อมติดกัน เรียกว่า แกโมพาทาลัส ( Gamopetalous ) หรือซีมเพทาลัส ( Sympetalous ) ตัวอย่างเช่น ดอกต้อยติ่ง ดอกมะเขือ ดอกลำโพง ดอกทานตะวัน ผักบุ้ง ตำลึง ฟักทอง
3. วงแอนดรีเซียม ( Androcium ) วงที่สามเป็นวงของเกสรตัวผู้ ( Stamens หรือ Microsporophylls ) วงนี้เรียกว่า แอนดรีเซียม ( Androcium ) เกสร ตัวผู้แต่ละอันประกอบด้วยก้านเกสรตัวผู้ ( Filament ) ชูอับเรณู ( Anthers ) ภายในมีถุงเรณู ( Pollen sacs หรือ Microsporangia ) อยู่ 4 ถุง ละอองเรณูมีขนาดเล็กจำนวนมากและพืชแต่ละชนิดมีละอองเรณูที่มีรูปร่างแตกต่างกัน
4. วงจินนีเซียม ( Gynaecium ) วงที่สี่หรือวงในสุดเป็นวงของเกสรตัวเมีย ( Pistil หรือ Carpel หรือ Megasporophyll ) อาจมีเกสรตัวเมียอันเดียว หรือ หลายอันรวม เกสรตัวเมียแต่ละอัน เรียก คาร์เพล ( Carpel )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น